ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

9 วิธีประหยัดไฟช่วง Work From Home

9 วิธีประหยัดไฟช่วง Work From Home

ถึงแม้การทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะมีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มเวลาให้กับชีวิต ช่วยลดปัญหารถติด และช่วยบรรเทาความเสี่ยงโควิด 19 แต่ก็แอบมีจุดด้อยอยู่บ้างเล็กน้อยเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็คือการใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ค่าไฟสูงปรี๊ดตามขึ้นมาด้วยนั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราได้รวบรวมวิธีประหยัดไฟในบ้านในช่วงทำงานที่บ้านมาฝาก

 

1.เปิดหน้าต่างรับลมและแสงธรรมชาติ

การทำงานอยู่ที่บ้านเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ เรื่องของแสงสว่างต้องเพียงพอ แต่จะให้เปิดไฟตลอดเวลาก็คงเปลืองไฟแย่ วิธีแรกที่ “การไฟฟ้า” แนะนำก็คือให้คุณเปิดม่านและเปิดหน้าต่างให้แสงสว่างและลมธรรมชาติผ่านเข้ามาในบ้าน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการประหยัดพลังงานในช่วงที่มี การ Work from home ที่สำคัญการเปิดให้อากาศถ่ายเทยังจะช่วยลดความเสี่ยงของ COVID-19 ได้อีกด้วย

 

2.ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟชนิดอื่น

เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบเดิม ทั้งหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์แล้ว หลอดไฟ LED ให้ความสว่างมากกว่า แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ดังนั้นหน่วยงานต่าง ๆ จึงออกมาแนะนำให้ทุกคนเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED กันมากขึ้น โดยมีข้อมูลระบุว่า หลอดไฟ LED ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 80% แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากอีกด้วย

 

3.ตั้ง Sleep Mod ในแล็ปท็อปเสมอ

การ Work from home คนส่วนใหญ่นิยมใช้แล็ปท็อป ซึ่งการทำงานบนแล็ปท็อปก็กินไฟพอสมควร แต่มีวิธีช่วยประหยัดไฟคือ ให้ตั้ง Sleep Mode เอาไว้เสมอ เมื่อไม่ได้ใช้หน้าจอก็จะปิดอัตโนมัติ อีกทั้งควรปรับแสงจอไม่สว่างเกินไป ก็ช่วยประหยัดไฟได้

 

4.ใส่หูฟังเมื่อฟังเพลง

การฟังเพลงก็มีผลกระทบต่อการประหยัดพลังงานเช่นเดียวกัน เนื่องจากการใช้หูฟังช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าไม่ใช้ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรเลือกใช้เป็นหูฟังแบบมีสาย เพราะเมื่อเทียบกับหูฟังแบบไร้สายแล้ว จะใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า แถมยังมีคุณภาพเสียงดีกว่าอีกด้วย

 

5.เลือกมุมทำงานมุมเดียว และตั้งเวลาการใช้ไฟ

แม้จะทำงานที่บ้านแต่ก็ควรตั้งเวลาในการทำงาน เพื่อตั้งช่วงเวลาในการใช้ไฟฟ้าให้ชัดเจนให้เหมือนอยู่ที่ทำงาน เช่น เริ่มงาน 9.00 น. เริ่มใช้ไฟฟ้า เช่น เปิดแล็ปแท็ป เสียบปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องใช้ต่างๆ นานา เว้นเที่ยง และปิดตอน 17.00 น. โดยการกำหนดเวลาที่ชัดเจนจะทำให้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดไฟส่วนอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น ก็จะช่วยประหยัดไปได้อีกทาง

 

6.ปิดเครื่องและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน

ถึงแม้จะไม่ได้เชื่อมต่อหรือใช้งานอุปกรณ์แก็ดเจ็ต อุปกรณ์ไร้สาย รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ แล้ว แต่ถ้าหากยังคงเสียบปลั๊กไว้ เครื่องก็จะมีการทำงานและมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ ฉะนั้นถ้าหากใครอยากประหยัดพลังงานและลดการใช้ไฟฟ้าละก็ ต้องปิดเครื่องและถอดปลั๊กหลังจากเลิกใช้งานทุกครั้งในทันที

 

7. ดูแลตู้เย็นอย่างเหมาะสม อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย

สำหรับวิธีการใช้งานตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพและประหยัดไฟ ได้แก่ การตั้งตู้เย็นควรตั้งห่างจากผนังอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งความร้อน เพราะความร้อนทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น 

ต่อมาก็คืออย่าเปิดตู้เย็นบ่อย เพราะเมื่อเราเปิดบ่อยตู้เย็นต้องทำงานเพิ่มขึ้นในการรักษาความเย็นทำให้กินไฟมากขึ้น อีกอย่างคือ ควรละลายน้ำแข็งสม่ำเสมอเพื่อให้ตู้เย็นทำความเย็นได้ดีโดยที่ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และควรจัดระเบียบตู้เย็นทุกครั้งเมื่อมีของใหม่เข้ามาแช่ เพราะยิ่งมีของแน่นตู้เย็นจะยิ่งทำให้ความเย็นไหลเวียนไม่สะดวก และกินไฟมากขึ้นนั่นเอง

 

8.กำหนดเวลาเปิด-ปิดแอร์

หลังจากเลือกมุมทำงานได้เรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดระยะเวลาการใช้ไฟฟ้าอย่างชัดเจน เหมือนกับตอนทำงานที่ทำงาน เช่น เปิดแอร์และเปิดไฟเวลา 09.00-12.00 น. ปิดตอนเที่ยง และกลับมาเปิดอีกทีเวลา 13.00-18.00 น. นอกจากนี้ถ้าหากเห็นว่าอะไรไม่จำเป็นในช่วงไหนก็ควรปิดซะ เช่น ตอนเช้ามีแสงสว่างมากพอ ก็อาจจะไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ หรือวันไหนที่อากาศดี ก็อาจจะไม่ต้องเปิดแอร์ก็ได้

 

9.รีดผ้ารวมกันครั้งละมากๆ

การซักผ้าและรีดผ้าแต่ละครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างมาก ดังนั้นการซักและรีดผ้ารวมกันครั้งละมากๆ จึงช่วยให้ประหยัดไฟได้มากกว่าการซักรีดครั้งละน้อยๆ เนื่องจากไม่ต้องเปิดใช้เครื่องซักผ้าและเตารีดบ่อยๆ การใช้พลังงานก็จะลดน้อยลง ค่าไฟก็จะถูกลงตามไปด้วย

 

นอกจากจะใช้ในช่วง Work From Home หรือช่วง COVID-19 ได้แล้ว ยังนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันยามปกติได้อีกต่างหาก เอาเป็นว่าใครอยากเซฟทั้งเงินและพลังงานไปพร้อม ๆ กัน ต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะ